ใครว่าแค่ออกกำลังกาย กับ คุมอาหาร ก็ลดความอ้วนได้แล้ว?
หลายคนอาจจะมีประสบการณ์ตั้งปณิธานว่าชั้นจะวิ่งวันละชั่วโมงพร้อมคุมอาหารไม่ให้แคลอรี่มากเกิน แต่ไม่เห็นเจ้าตัวเลขในตาชั่งจะลดลงเสียทีไหมครับ? ชีวิตวุ่นวายในปัจจุบันอาจทำให้เราต้องมัวนั่งทำงานทั้งวัน แล้วก็ไปออกกำลังกายเข้าฟิตเนสก่อนกลับบ้านถือเป็นการจัดเวลาออกกำลังกายกับการทำงานให้เป็นสัดเป็นส่วน แต่ผลวิจัยล่าสุดพบว่าปัจจัยที่ส่งผลต่อน้ำหนักเราอาจมีมากกว่านั้นครับ
เมื่อไม่นานมานี้นิตยสาร Runner’s World ได้อ้างอิงผลการวิจัยของ York University ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งติดตามการรับประทานอาหาร กับ การออกกำลังกายของอาสาสมัครผู้ใหญ่กว่า 30,000 ราย ตั้งแต่ปี 1971 ถึง 2008 ครับ พบว่า ความถี่ในการออกกำลังกายของพวกเขาเพิ่มขึ้นถึง 47 – 120 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ ปริมาณแคลอรี่ และ คาร์โบไฮเดรต เพิ่มขึ้นเพียง 10 – 14 เปอร์เซ็นต์ มากกว่านั้น ปริมาณโปรตีนและไขมันที่รับประทานก็ลดลงเล็กน้อย เรียกกว่า “ทานอาหารมากขึ้นเล็กน้อย แต่ ออกกำลังกายเพิ่มขึ้นมากมาย” ครับ แต่ผลปรากฏว่า ดัชนีมวลกาย (Mass Body Index: BMI) ของอาสาสมัครเหล่านั้นกลับมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
แสดงว่าต้องมีปัจจัยอื่นนอกจากการกินและการออกกำลังกายที่ส่งผลให้น้ำหนักมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นครับ ซึ่ง Runner’s World บอกว่า ปัจจัยเหล่านั้นได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การนอนไม่เพียงพอ ความเครียด สภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ ภาวะแคลเซียมในร่างกายต่ำ รวมไปถึงแบคทีเรียในลำไส้ เป็นต้นครับ
คำแนะนำคือ นอกจากจะลดปริมาณแคลอรี่แล้ว ควรหันไปรับประทานผัก ผลไม้ต่างๆให้มากขึ้น นอนหลับให้เพียงพอ (7-8 ชั่วโมง) มีเทคนิคเล็กน้อยถ้าวันไหนนอนไม่พอจริงๆ ให้หาทางงีบหลับให้ได้ซัก 20 นาทีครับ นอกจากนั้นในบทความดังกล่าวยังเน้นเรื่องกิจกรรมระหว่างวันครับ เพราะการวิ่งวันละ 1 ชั่วโมงบนลู่วิ่งไม่เพียงพอ ถ้าเราไม่ได้ขยับร่างกายในอีก 23 ชั่วโมงเลย ลองเปลี่ยนจากขึ้นลิฟต์เป็นขึ้นบันไดบ้าง หรือหาเวลาเดินไปเดินมา แทนที่จะนั่งหน้าคอมเฉยๆดูนะครับ