เคล็ดลับวิ่งที่ถูกอุบไว้

เคล็ดลับวิ่งที่ถูกอุบไว้
เคล็ดลับการฝึกเพื่อการพัฒนาให้เร็วขึ้นระยะไกลมีหลายเรื่อง ถ้าจะว่าให้ละเอียดจนเข้าใจ อาจจะยาวมาก วันนี้ผมอยากจะกล่าวเรื่องหนึ่งที่นึกได้ตอนนี้ คือ

มีพวกเราจำนวนหนึ่ง เข้าใจว่า มันมีเคล็ดลับที่เป็นความลับอยู่ชุดหนึ่ง ที่หากใครเข้าถึง ก็จะรู้และปฏิบัติได้ และใครไม่รู้ก็ไม่สามารถปฏิบัติได้ เสมือนหนึ่งการเข้าถึงขุมทรัพย์ฮีบกำปั่น ที่ใครเข้าถึงได้ย่อมร่ำรวย และใครเข้าไม่ถึงก็ต้องยากจน

พวกเราบางคนเข้าใจกันว่า ย่อมเป็นธรรมดาอยู่เองที่ใครที่เข้าถึงขุมทรัพย์แล้ว ไม่ว่าจะเข้าถึงเพราะเหตุใดก็ตาม ย่อมจะหวงแหน ไม่อยากให้ใครรู้แหล่งขุมทรัพย์นั้น ๆ ด้วย ค่าที่ว่าไม่อยากให้คนอื่นพัฒนา ซึ่งจะมีผลทำให้มีตัวแข่งผู้สามารถน้อยลง ผู้กุมเคล็ดลับก็จะวิ่งแบบไม่เหนื่อยนัก ปราศจากคู่ประกบ

จากประสบการณ์นานหลายปีที่คลุกคลีอยู่ในวงการนี้ ผมขอบอกว่า สิ่งนี้แม้จะมีความเป็นจริงอยู่บ้างในระดับล่าง ที่ผู้ดำริปั้นแต่งขึ้นมาจากจินตนาการในแง่ร้าย แต่ส่วนใหญ่ของนักวิ่งแนวหน้าและผู้ฝึกสอนทั้งหลายประเด็นมันมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นครับ

“ไม่ใช่ไม่อยากบอก…..แต่บอกไปจะทำได้หรือเปล่า?” ที่พวกเราฟังแล้วไม่อยากเชื่อกัน เอาละ……..ว่ากันไปทีละเรื่อง ทีละประเด็น

อย่างแรกเลยผู้ฝึกสอนที่เราอาจพบไม่ยอมเขียนสูตรวิ่งให้ ผู้ฝึกสอนในที่นี้รวมไปทั้งเป็นผู้ชำนาญการวิ่งตัวจริง หรือเป็นเพียงเพื่อนวิ่งคนหนึ่งธรรมดาก็ได้

ที่เห็น แทบจะไม่มีผู้ฝึกสอนคนใดที่ไม่เคยเขียนแผนฝึกให้นักวิ่งฟรีๆเลย เคยเอื้อเฟื้อกันมาทั้งนั้น เคยใจดีกันมาทุกคนแต่สิ่งที่มักจะได้รับก็คือ เขียนไปก็เท่านั้น ผู้วิ่งบางคนไม่ได้เอาไปฝึกฝนจริงๆ ได้มาง่ายๆ ก็ทรีทง่ายๆ ถามไปงั้น ชำเลืองด้วยหางตาประเมินคร่าวๆ ว่าถ้าไหวก็จะลองดู ถ้าเห็นว่าเหนื่อยจัดก็ไม่เอา ให้ความสำคัญกับกระดาษแผ่นนั้นเหมือนกับของแจกฟรีชิ้นหนึ่งที่จะทิ้งขว้างอย่างไรก็ได้

แต่ผู้ออกแบบตารางวิ่งขึ้นมา ไม่ได้เนรมิตขึ้นมาจากอากาศธาตุ ที่จากองค์ความรู้ที่ทยอยสะสมมานานหลายปี ด้วยการสละเวลาที่เขาน่าจะได้ใช้ไปกับสิ่งที่น่าสนใจมากมาย กลับต้องใช้ความเพียรไปกับความรู้วิทยาศาสตร์การกีฬาเหล่านั้น แล้วนำมาถักทอให้ประสานกับแนวโน้มของผู้วิ่งแต่ละคน

ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกที่ถูกกลั่นกรองออกมาจากสมองมีมูลค่าทั้งนั้น ไม่ว่าอาชีพใดๆ ไม่ว่านักร้อง นักแสดง ไม่ว่าสถาปนิกออกแบบ ไม่ว่าช่างสาขาต่างๆ แต่สำหรับผู้ฝึกสอนวิ่ง โดยเฉพาะในบริบทสังคมไทย ถูกคาดหมายว่า “เป็นของฟรี” ที่แลกเปลี่ยนไปกับคำว่า “ปูชนีย์”

มีบางคนเท่านั้นที่ปรารถนาจะฝึกฝนอย่างจริงจัง แต่ความเป็นจริงก็คือ ยังมีผู้ต้องการฝึกเพียงเอ่ยขอสูตรวิ่งขึ้นมาแบบปากพาไป ไม่ได้ต้องการจริงจัง เหมือนกับประโยคบอกเล่าธรรมดาประโยคหนึ่ง (Non-sense sentences)

จำนวนหนึ่งไม่ได้เอาไปลงมือทำเลย จำนวนหนึ่งเอาไปฝึกอย่างบ้าคลั่ง บ้างก็ถูกก็อบปี้กันไปเป็นทอดๆ โดยหาคำนึงไม่ว่า นั่นเขาออกแบบมาให้กับความแข็งแกร่งแน่นเหนียวระดับไหน กับเรือนร่างของใครกัน เอาไปใช้อย่างแถมปริมาณ แถมความเร็ว ด้วยความคาดหวังว่า “ยิ่งมาก-ยิ่งดี” โดยหาตระหนักไม่ว่า เดี้ยงรอเจ้าอยู่ข้างหน้า ซึ่งก็เดี้ยงขึ้นมาจริงๆ ข่าวก็สะพัดไปทั้งวงการ

“เจ็บเพราะไปวิ่งสูตรกฤตย์”
ชื่อเสียงเราป่นปี้ ประมาณแบบพาคนไปตาย

แนวหน้าทั้งหลาย ทั้งไทยแลเทศ ถ้าได้ลองเอาสูตรฝึกของเขาเหล่านั้นมาวางแผ่เพื่อเปรียบเทียบและจัดสรรหมวดหมู่ดู จะพบว่าไม่มีใครฝึกเหมือนกันเลย และนี่แหละคือสิ่งที่ผู้เขียนอยากจะกล่าวว่า มันคือโลกแห่งความเป็นจริง สิบคนฝึกกันสิบอย่าง จะบอกให้ก็ได้ว่า ผู้ฝึกสอนที่ดูแลนักวิ่งหลายคนในมือ ต้องเก่งจริงๆ ถึงจะสามารถร่างสูตรวิ่งที่เหมาะสมให้กับทุกคนออกมาได้

ไม่ใช่เพียงแค่ร่างออกมา แต่ต้องดีด้วยกับทุกคน มีความเหมาะสมกับทุกคน ฝึกแล้วพัฒนาหรือไม่ มันอยู่ตรงนี้

เป็นไปไม่ได้ครับ ที่จะคาดหมายให้ใครคนใดคนหนึ่งบอกสูตรที่ดีที่สุด สำหรับคนทุกคนออกมาในหน้าเว็บ เพราะจะมีเพียงไมกี่คนที่สำเร็จ ที่เหลือเดี้ยงเป็นแถว

การเป็นผู้ฝึกสอนที่ดีมีความสามารถ ไม่ใช่แค่ครูพักลักจำอย่างเดียว แต่ต้องศึกษาจริงๆ มีความเป็นวิชาชีพ ประสานกับประสบการณ์ดูแลเด็กจริง ประกบด้วยผู้ที่รู้กว่าดูแลในชั้นต้น ปกป้องนักวิ่งผู้มาฝึกด้วย และปกป้องวงการไม่ให้เสื่อมด้วยการพาคนลงเหวด้วยการอวดรู้

ขอตราไว้ให้ปรากฏในที่นี้ว่า โค้ชตัวจริงไปขายเต้าฮวยหมดแล้ว เพราะกินความเป็นปูชนีย์ไม่อิ่มท้อง

ที่เหลือๆจึงเป็นผู้รู้ที่เป็นเพื่อนนักวิ่งด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่ เขามาก่อน วิ่งมาก่อน เจออุปสรรคก่อน พยายามเฉลยอุปสรรคเหล่านั้นมาก่อน และกระจ่างแจ้งก่อน จึงบอกต่อให้กับเพื่อนนักวิ่งด้วยกัน เช่นผม นายกฤตย์ ไม่ใช่ อ.กฤตย์ และยิ่งไม่ใช่ปรมาจารย์กฤตย์ใหญ่เลยอย่างที่หลายคนเรียก

ผมก็แค่เป็นเพียง “นักวิ่งบอกต่อ” เราเป็นเพื่อนกัน และเท่าที่ทราบหลายท่านก็เข้าลักษณะนี้ คือ “บอกต่อ” ไม่ได้ร่ำเรียนมาทางนี้เป็นการจำเพาะ

โปรดตั้งใจฟังผม และเชื่อผมด้วย เพราะผมจะไปโกหกคุณทำไมว่า “เรือนร่างของทุกคนไม่เหมือนกันเลย สูตรวิ่งจึงใช้สูตรเดียวกันไม่ได้”

ติ้ดต่างว่าเพศเดียวกัน ฟิตเท่ากัน อายุเท่ากัน ทุกอย่างเท่ากัน ยังไงๆสิ่งแวดล้อมการฝึกในอนาคตแต่ละวันก็ย่อมต้องคลี่คลายต่างกันไปอยู่ดี จำต้องอาศัยการปรับปรุงแผนวิ่งอยู่ตลอด

แผนตารางวิ่งที่ร่างออกมาบอกเพียงว่า “ตราบใดถ้าทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น ก็ให้ผู้ฝึกวิ่งตามนี้”

แต่ความเป็นจริง คนเราติดธุระเสมอ ไม่ก็ติดหวัด สนามเป้าหมายวางแผนไว้เลื่อนงด ฝนตก ดินถล่ม ซึนามิ อกหัก ถูกล็อตเตอร์รี่ ไฟไหม้บ้าน เออรี่ บาดเจ็บ เมนมา แม่ตาย ฯลฯ

เหล่านี้ล้วนสะเทือนแผนฝึกทั้งสิ้น แชมป์ทุกๆ ตัว ไปเปิดดูตารางวิ่งของเขาดู จะพบว่าผ่านการแก้ไข ลบออก เลื่อนลง ปรับเพิ่ม ฯลฯ อยู่ตลอดเวลา เราจะไม่มีทางพบตารางวิ่งที่นิ่งคงที่ตลอดไม่เคยมี

แล้วอย่างนี้ เราจะเอาสูตรวิ่งชั้นดีมาลงในหน้าเว็บได้อย่างไร พอไม่ลงให้ตามคำขอ ก็ถูกมองว่า อุบของดีมิต้องการให้ใครเข้าถึงขุมทรัพย์….โธ่..มันไม่ใช่ตรงนั้น

เอาซิ ลองมาอยู่นครสวรรค์ซิ และทุกเย็นมาปรากฏกายพร้อมฝึกกับผมให้เห็นตัว เห็นความพยายามของคุณซิ เพื่อผมจะได้เห็นแนวโน้มของคุณแต่ละคน ผมพร้อมจะยืนหยัดจนกว่าคุณจะถึงเป้าหมายวิ่ง

ไม่ว่าเป้าหมายนั้นจะเป็นอะไร แต่ก็ไม่มีใครมาได้

ความพยายามตอบของท่านผู้รู้ท่านต่างๆในหน้าเว็บ จึงเป็นความพยายามกำกับโดยประมาณการณ์จากหลักการกว้าง ๆ ที่ปราศจากปัจจัยความจำเพาะของแต่ละคน

ซึ่งนี่ย่อมไม่ใช่สูตรที่ดีที่สุดที่ใครจะยึดกุม ตราบเท่าที่ความห่างไกลทางภูมิประเทศยังเป็นอุปสรรค ผู้ดูแลการฝึกไม่สามารถตามไปดูคุณฝึกได้ทุกฝีก้าว ข้อแนะนำเหล่านั้นเป็นเพียงแนวปฏิบัติอย่างกว้างๆ พอให้เป็นแนวทาง ดีกว่าไม่มีอะไรเลย ดีที่สุดเป็นเพียงแค่นี้เอง

กระนั้นก็ตาม เพียงแค่คำแนะนำอย่างกว้างๆก็ยังมีคนตั้งใจทำกันจำกัดอยู่ดีถามตรงๆ นะ ให้ตอบกันตรงๆ อย่างไม่เกรงใจ พวกเราได้เคยทำตามคำแนะนำที่กล่าวถึงจากหน้าเว็บโดยผู้รู้ท่านต่างๆหรือไม่

ส่วนใหญ่ไม่ หรือทำไม่ครบ อีกจำนวนหนึ่งเพียงแค่ฟังผ่านหู

ขนาดหลักการที่เป็นประโยชน์กับตัวเราเองยังไม่ดำริจะทำกันแล้ว ดังนั้นอย่าเพิ่งไปคาดหวังเคล็ดลับอะไรให้มากความ

นักวิ่งจำนวนมากยังไม่แม้แต่กระทั่งเตรียมพร้อมก่อนการฝึก (วอร์มอัป) ให้เหมาะสมเลย แต่พวกนี้หลายคนอยากได้เคล็ดลับ

นักวิ่งจำนวนมากมายเพิกเฉยในการดูแลร่างกายให้ฟื้นตัวดีอย่างพอเพียง แข่งบ่อย วิ่งอย่างสะใจ วิ่งด้วยอารมณ์ ไม่ใช้เหตุผลและความรู้ แต่อยากได้เคล็ดลับ จะมีใครกล้าเถียงความข้อนี้กับผมไหม?

แล้วอยากจะวิ่งดี บอกว่าแชมป์หวงวิชา โค้ชไม่ยอมให้เคล็ดลับ โธ่เอ๋ย……

เวลาถามมา ชอบถามสั้นๆ ว่าวิ่งสิบโลฝึกอย่างไรจะวิ่งได้ดี ให้เร็วขึ้น โดยหาบอกไม่ว่าตนเองมีรายละเอียดอะไรบ้าง ไม่ว่าเพศ, อายุ, ระดับความฟิต ที่ควรบอกเวลาสิบโลเก่าที่ดีที่สุดนานเท่าไรแล้ว หรือระยะที่เคยวิ่งได้ถ้ายังไม่เคย หรือประสบการณ์กีฬาเก่าก่อน เคยเป็นแนวหน้าเก่าหรือเปล่า กี่ปีแล้ว หยุดไปเพราะอะไร

เรื่องทั้งหมดนี้สำคัญทั้งนั้น ที่จะช่วยร่างแผนการฝึกให้สอดคล้องกับความเป็นตัวของคุณ โปรดจำไว้ว่า ถ้าจะเอ่ยถามมา ให้บอกมาเลยถึงข้อมูลของคุณด้วยเช่นเดียวกับตัดเสื้อผ้า ช่างตัดต้องขอรู้สัดส่วนร่างกาย อย่าถามสั้นๆ รวมไปถึงเป้าหมายด้วยว่าจะเอาไปทำอะไร เช่น จะวิ่งเร็ว 800 เมตร เพื่อเข้าทดสอบเป็นตำรวจ ในวันที่………. เวลาคาดหมายที่ต้องการ…………….กี่วินาที และเวลาที่ตัวเองทำได้อยู่ยังขาดไปกี่วินาที เป็นต้น แล้วที่ผ่านมาทำการบ้านอะไรไปบ้างหนึ่ง….สอง….สาม….ให้ละเอียด โรคประจำตัว น้ำหนัก ประวัติความบาดเจ็บเก่า

หรือต้องการวิ่งมาราธอนเพื่อสุขภาพ หรืออยากได้เวลาที่ดีกว่าเก่า ที่มี PR. อยู่ที่………กี่ปีแล้ว เป็นต้น หรือเป็นมือใหม่ก็ว่าไป

เมื่อถามตอบกันไม่ถนัด เมื่อเฉลยไม่ทันใจ ก็เลยไปเอาของคนอื่นมาใช้ ไปเอาสูตรคนเก่งฝึกมาใช้บ้าง เช่น เขาวิ่งอยู่ที่

20X400 เมตร ที่ 18 วิ จ็อก 18 วิ
10X800 เมตร ที่ 2.45 จ็อก 2 นาที
5X1000 เมตร ที่ 3.40 จ็อก 3 นาที

อย่างนี้เราเอาไปฝึกตามก็เดี้ยงซิครับ ลดทอนไม่เป็น แล้วก็ล้มเหลว เพียงไม่กี่ครั้งในการทดลองครั้งแรก

จะบอกให้ ไม่มีหรอกครับ อุ๋บไว้ไม่ยอมบอก กลัวมาแย่งรางวัล บอกไปก็ทำไม่ได้ จึงป่วยการบอก

ต่อเมื่อบอกไป แล้วแน่ใจว่าเขาทำได้จริง ปลอดภัย อย่างนี้อยากบอกสุดใจ ที่ผ่านมาผู้ถามเลือกที่จะฝึกใน Sessions ที่ตัวเองเห็นด้วย และปฏิเสธไม่ฝึกใน Sessions ที่ไม่เห็นด้วย

เป็นการเรียกผู้ฝึกสอนดูแลมาเพื่อยืนยันสิ่งที่คุณเองคิดว่าถูกต้อง ถ้าเป็นกรณีอย่างนี้ ผมขออนุญาตบอกว่าไม่แฟร์กับผู้ถูกถามนะครับ

บางรายที่พบเจอนะ มาถามสูตรฝึกวิ่งพัฒนาทั้งๆที่ตัวเองไม่มีเวลา อันเป็นทรัพยากรพื้นฐาน มีเวลาเพียงวันละครึ่งชั่วโมง จะบ้าหรือ…ถามมาได้ มีเงินเพียงสลึงเฟื้องจะซื้อรถยนต์ ถ้าถามอย่างนี้ ใครเขียนสูตรได้ เชิญไปถามเขาเลยครับ คนที่มีความทุ่มเทเพียงแค่นี้ ผมไม่มีให้ ขนาดเวลาคุณยังไม่อุทิศเลย แล้วอยากได้รางวัลจากความเร็ว

แสดงว่าที่ผ่านมาคุณไม่ได้ตระหนักเลยว่า คนที่พัฒนาความเร็วตามที่เห็นในสนามแข่งขัน เขาได้ผ่านทำอะไรมาบ้างก่อนที่จะขึ้นโพเดี้ยม

ถ้าไม่ตระหนัก ไม่อุทิศ ไม่อดออม เอาแต่อยากได้ล้วนๆ ก็คงต้องปล่อยให้แชมป์หน้าเก่าผูกขาดโพเดี้ยมไปก็แล้วกัน ตัวเองไม่เคยดูตนเอง โทษว่าเป็นเพราะตัวเองเข้าไม่ถึงองค์ความรู้ เป็นเพราะคนรู้ใจดำ ไม่ยอมบอก โค้ชไม่เขียนสูตรให้ คนรู้เคล็ดลับฝึกไม่บอกเพราะจะได้ไม่เหนื่อย ถ้ารู้เคล็ดลับตัวเองจะทำได้ ว่าเข้าไปนั่น

โธ่……มันไม่ได้อยู่ตรงนั้นน้องรัก บางทีสิ่งที่คุณต้องการมิใช่เคล็ดลับอะไรหรอก….แต่เป็นกระจกเงามากกว่า.

หากจะมีผู้รู้เป็นใครหรือกลุ่มใดคิดค่าใช้จ่าย เขียนร่างแผนการวิ่งดูแลการฝึกให้พัฒนาขึ้นตามกำลังศักยภาพของแต่ละคนแล้วล่ะก็

ผมบอกว่า เห็นด้วยครับ…..จงทำไปอย่างปราศจากความละอายในการเรียกร้อง
จงทำเสียบ้าง เพื่อสะท้อนสัญญาณบอกวงการวิ่งว่า จงตั้งใจในการฝึก เพราะมันมิใช่ของฟรี อยากเสียเงินเปล่าไปกับความไม่ใส่ใจนำพาในคำแนะนำก็ตามใจ

ระเบียนประวัติของการฝึกวิ่งแต่ละรายย้อนหลัง จะต้องถูกออกแบบขึ้นเพื่อบอกกับเขาภายหลังว่า สิ่งที่บอกให้ปฏิบัติมีอะไรบ้าง และสิ่งที่คุณได้ทำจริงๆมีอะไรบ้าง

ดังนั้นความก้าวหน้ามาเพียงแค่นี้หรือไม่ถึงเป้าหมาย ย่อมเป็นเช่นนั้นเอง อย่างที่ผู้ฝึกสอนไม่ต้องละอายใดๆ

ใน Course ฝึกครั้งๆหนึ่งย่อมจะต้องประกอบไปด้วยผู้ได้สำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง ย่อมเป็นธรรมดา แต่แบบระเบียนวิ่งที่ดีจะสามารถแจกแจงย้อนหลังได้ว่า มันซ้อมไม่ถึงระดับเพราะอะไร เพื่อให้ผู้ฝึกนำเป็นบทเรียนในการฝึก Course ต่อไป

นี้ย่อมเป็นการใช้เศรษฐศาสตร์เข้ามาเป็นวิธีกำกับนิสัยของนักวิ่งให้มีวินัยขึ้นนั่นเอง

ส่วนนักวิ่งที่ไม่ยินดีจ่าย ก็ปล่อยเขาไป ไม่ใช่ทอดทิ้ง ถ้าจะปรึกษาถามไถ่ ขอคำแนะนำเท่าที่จะทำได้ ก็ว่ากันไปตามมิตรภาพที่พึงมีอย่างที่ทำอยู่ จะคัดลอกก็อปปี้กันบ้างก็หยวนกันมาตลอด หากไม่ได้เอาไปทำกำไรต่อไม่มีปัญหา

ผมเชื่อว่า หากพวกนี้ใส่ใจจริง มีสามัญสำนึก ช่างสังเกต ใส่ใจสรุปบทเรียนที่เป็นจริงประสานกับประสบการณ์ เขาย่อมมีทางที่พัฒนาได้แน่ๆ เช่นเดียวกัน

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก กฤตย์ ทองคง ฟอร์รันเนอร์ไทยแลนด์

เข้าสู่ระบบ

LINE LOGO SVG เข้าสู่ระบบด้วย LINE