4 ปัญหาที่เจอประจำระหว่างวิ่ง (+ ทางแก้)
เพื่อนๆอาจจะเคยทานอาหารเผ็ดคืนก่อนงานวิ่ง พอตื่นมาตอนเช้าเลยทะเลาะกับห้องน้ำซะนานจนไปวิ่งสาย หรือบางคนอาจจะซักกางเกงวิ่งแล้วลืมเอามือถือออก55…ปัญหาหรือข้อผิดพลาดหลายๆอย่าง เกิดไม่บ่อยนัก เรียกว่าเจ็บแล้วจำ นิตยสาร Runner’s World เค้ารวบรวม 4 ปัญหาที่นักวิ่งเจอเป็นประจำพร้อมทางแก้ เทคนิคเล็กๆน้อยๆมาฝากกันครับ
1. ออกตัวเร็วเกินไป
ปัญหานี้คิดว่าเพื่อนๆนักวิ่งหลายคน ที่ไม่ค่อยได้วิ่งตามงานวิ่งน่าจะเจอบ่อยๆ เรียกว่ากลายเป็นม้าตีนต้นแต่เต่าตีนปลาย สาเหตุหลักๆมาจากอาการตื่นเต้นซึ่งส่งผลให้เราวิ่งไม่ตรงตาม Pace (ความเร็ว) ตามที่เราซ้อมไว้ล่ะครับ ในสนามจริง สภาพต่างๆไม่มีทางเหมือนที่เราซ้อมแน่นอนครับ พยายามหาความเร็วที่เหมาะสมสำหรับเราแล้วรักษาให้ได้ครับ จำไว้ว่า..ยิ่งเราเข้าร่วมงานวิ่งบ่อยขึ้น เราก็จะรู้สึกคุ้นเคยมากขึ้น และการรักษา Pace ก็จะทำได้ง่ายขึ้นครับ
2. วิ่งแล้วรู้สึกจุก-เสียด
อาการจุก-เสียด ปกติเกิดจากการออกตัวเร็วไป หรือ การรับประทานอาหารไม่ถูกต้องก่อนการวิ่งก็ได้ครับ เพื่อนๆบางคนกลัวจะหิวระหว่างวิ่ง เลยจัดมาเต็มที่ แต่วิ่งไปซักพักรู้สึกจุก-เสียด Marni Sumbal นักสรีระวิทยาชื่อดัง แนะนำว่า ถ้าเราต้องวิ่งมากกว่า 1 ชั่วโมง ให้ทานอาหารอย่างน้อย 300-350 แคลอรีก่อนวิ่งประมาณ 3-4 ชั่วโมงครับ ไม่งั้นอาจทานของว่างที่ไขมันต่ำ ที่ได้พลังงานประมาณ 200-250 แคลอรี (ประมาณ Cereal เนย กล้วย ครับ) 2 ชั่วโมงก่อนวิ่งก็ได้ครับ
3. ปวดท้องเมื่อกินระหว่างวิ่ง
จำไว้ว่าเราจำเป็นต้องเติมพลังระหว่างการวิ่ง สำหรับการวิ่งที่ต่อเนื่องกันเกิน 1 ชั่วโมงเท่านั้นครับ เพื่อนๆที่วิ่งระยะใกล้ๆ ไม่จำเป็นต้องทานระหว่างวิ่งนะครับ นอกจากไม่ต้องหนักกระเป่า ยังไม่ต้องเสียงกับอาการปวดท้องด้วยครับ สำหรับเพื่อนๆที่วิ่งระยะไกล ควรได้รับคาร์โบไฮเดรตประมาณ 30-60 กรัม และน้ำ 350-700 ml ทุกๆชั่วโมงครับ แล้วก็อย่าลืมฝึกการทานระหว่างวิ่งในช่วงการซ้อมด้วยนะครับ สำหรับเพื่อนๆทีกังวลว่าจะตื่นเต้นระหว่างวิ่ง มีเทคนิคแนะนำให้ทานพวก energy gel ต่างๆในปริมาณน้อยๆทุก 10-15 นาทีระหว่างวิ่งก็ได้
4. ตื่นเต้นจนวิ่งออกมาแย่
พยายามอย่าเครียดก่อนวิ่งครับ คืนก่อนงานวิ่งเตรียมทุกอย่างให้พร้อมครับ เผื่อเวลาเดินทางไว้ด้วย จะได้มีเวลาหาที่จอดรถและมีเวลาชิวๆก่อนเริ่มวิ่งครับ ที่สำคัญคือจะได้มีโอกาสดูเส้นทาง จุดให้น้ำ ฯลฯ ด้วยครับ ทั้งนี้ก็เพื่อให้เรารู้สึกผ่อนคลาย ทำให้งานวิ่งเป็นเหมือนงาน Routine ไม่ใช่อะไรใหญ่โต ที่จะต้องตื่นเต้นขนาดนั้นครับ ตอนปล่อยตัวพยายามหายใจลึกๆ ท่องไว้ว่าเราพร้อม หรือเราเตรียมตัวมาดีแล้ว จากนั้นก็สนุกกับการวิ่งให้เต็มที่